เพื่อไทย ตั้งรัฐบาลไม่มี “ก้าวไกล” เสนอชื่อ “เศรษฐา”นายกคนที่ 30 เปิดตัวพรรคร่วมใหม่…
- admin
- 0
เวลา 14.20 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงภายหลังหารือกับพรรคก้าวไกล ถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล และการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 4 ส.ค. 2566
นพ.ชลน่าน แถลงว่า เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับ พรรคการเมือง อีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนาย พิธาลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 วันที่ 13 ก.ค. 2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง
แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลโดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้
ดังนั้นที่ประชุม 8 พรรคร่วมจึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม และสมาชิกวุฒิสภาได้
เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก สว. และ สส. โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณีคำพูดจาก สล็อต777
ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน " แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
1.เราจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2.นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ฯลฯ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ
พรรคเพื่อไทย ขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่า นี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต สร้างสรรค์ประชาธิปไตย แก้ไขความขัดแย้ง คืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการหารือทางพรรคก้าวไกล จะโหวตนายกรัฐมนตรีให้กับแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้คุยไว้ว่าการโหวตวันที่ 4 ส.ค.นี้ ให้เป็นเอกสิทธิของพรรคก้าวไกลที่จะลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะมีพรรคใดบ้างก็จะมีการแถลงข่าวให้ทราบภายในวันที่ 3 ส.ค.
เมื่อถามว่า สว.จะโหวตให้หรือไม่ในเมื่อพรรคเพื่อไทยไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากการแถลงข่าวในวันนี้ และ แนวทางที่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยจึงมั่นใจว่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้แก่สว. และ มีเหตุผลเพียงพอให้สว.ตัดสินใจโหวต
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยมีเสียงมากพอในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยสามารถรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งของสภาฯ และรายละเอียดทั้งหมดจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า การประชุมเมื่อเช้ากับพรรคก้าวไกล บรรยากาศ เป็นไปอย่างด้วยดีเขาต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย โดยสรุปแล้ว ไม่ใช่เป็นการบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องแยกกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล
นายประเสริฐ เสริมด้วยว่า ได้ชี้แจงทั้ง 8 พรรคร่วมเดิมรับทราบหมดแล้ว โดยเพื่อไทยได้โทรไปหาเลขาธิการทุกพรรคทั้ง 8 พรรคใน 3 ประเด็น คือ
1.พรรคเพื่อไทยได้แจ้งเห็นผลความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล
2.พรรคอื่นอีก 6 พรรคจะตัดสินใจอย่างไรก็ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค หากมาเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยก็ยินดี ตอนนี้บางพรรคตอบรับมาแล้ว แต่บางพรรคยังไม่แจ้งความประสงค์เข้ามา
3.เรื่องที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเอกสิทธิของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยไม่สามารถก้าวล่วงได้ และ วันที่ 3 ส.ค.นี้ พรรคเพื่อไทย จะจัดแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้งว่าจะมีพรรคไหนมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล และจะแจ้งเวลาสถานที่ให้ทราบในภายหลัง